วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บันทึกการเดินทาง ณ "ภูกระดึง"จ.เลย

          วันที่ 28 - 29 พ.ย. 2555 เป็นวันลอยกระทง ตอนเช้าไปทำงานตอนเย็นไปกินข้าวที่บ้านพ่อ-แม่และได้พาพ่อ-แม่ไปลอยกระทงที่สวนสิริกิตต์ หลังจากนั้นต้องรีบเดินทางนั่งรถไฟฟ้า BTS ต่อด้วยรถ จยย. ไปหมอชิต 2 เพราะตั๋วกำหนด 21.30น. เหนื่อยเลย แถบมาถึงแล้วยังมาตามหาน้องชายอีกเพราะรถจอดคนละทีกัน พอเจอกันแล้วก็รีบไปที่รถทันเวลาพอดี รถทัวร์เริ่มออกจากหมอชิต 2 เวลา 22.00น. เริ่มเดินทางที่หมาย ภูกระดึง จ.เลย

เวลาประมาณ 23.00 น. รถมีปัญหาจอดแก้ 1 ชม. และจอดอีกครั้งประมาณ 24.00น. จอดซ่อมใช้เวลา 2 ชม. จึงจะขับมาได้เป็นปกติ เวลา 6.44น. ถึงชุมแพ ห่างจากเวลาที่กำหนด ถึงผานกเค้าที่จะต้องถึงประมาณตี 5ครึ่ง ที่ชุมแพหมอกลงจัดบางช่วง เกิน 100 เมตรมองไม่เห็นทางขับรถต้องระมัดระวังมาก เวลา 08.30น. ถึงผานกเค้า นั่งรถสองแถว มาถึงอุทยานและทำเรื่องเสร็จ หลังจากนั่นเวลา 09.00น. เริ่มเดินทางขึ้นภูกระดึง เหนื่อยมากๆ จุดแรก กับจุดสุดท้ายก่อนถึงหลังแป เมื่อถึงหลังแป ใช้เวลาไปทั้งหมด 4 ชั่วโมง 52 นาที หลังจากนั้นเดินทางอีกประมาณ 3 กิโล ถึงอุทยาน ทำเรื่องที่พักแวะกินข้าวแล้วเดินทางไปที่ผาหมากดูก ประมาณ 2 กม.เพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่น่าเสียดายเมฆมากเกินไปเลยไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดิน เดินทางกลับอย่างน่าเสียดาย ทางกลับมืดมากหากไม่มีไฟฉายคงแย่แน่ๆ ถึงที่พัก อาบน้ำดูภาพที่ถ่ายมาทั้งวัน ประมาณ 2 ทุ่มก็นอนแล้วเพราะต้องตื่นนอนตอนตี 4 เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานางแอ่น
         วันที่ 30 พ.ย. 2555 ตื่นตี 4 เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผานกแอ่น กว่าจะลุกขึ้นได้แทบแย่เพราะเหนื่อยมากจากการปีนขึ้นเขาเมื่อวาน เมื่ออาบน้ำเสร็จแต่งตัวเรียบร้อยพอตี 5 ก็พร้อมกับนักท่องเที่ยวหลายคนที่หน้าอุทยานเจ้าหน้าที่ก็นำพาไปที่ผานกแอ่น เนื่องจากเป็นทางช้างป่าจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางให้ก่อน เส้นทางมืดมากควรมีไฟฉายที่สว่า่งๆ มากจะดี พอถึงถือว่าสวยมากทะเลหมอก รอถ่ายภาพจะพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อได้ถ่ายรูปจนพอใจแล้ว ก็ได้เดินทางไปไหว้พระที่ ลานวัดพระแก้ว และกลับที่พักนั่งกินข้าวที่ร้านป้า (พบกับป้าบนทางขึ้นภูกระดึงอายุประมาณ50ปี) และเตรียมเสบียงสำหรับเดินทางในวันนี้เมื่อกลับถึงที่พักก็เตรียมอุปกรณ์พร้อมกะว่าจะใช้รถจักรยานไปตามจุดต่างๆ จะได้เร็วขึ้นแต่พบว่าแพงมากราคาเช่าเกือบ 400 บาท ถ้าไปทั้งวัน จึงเปลี่ยนเป็นการเดินแทน พร้อมทั้งยังได้ช่วยเพื่อนที่พบกันบนรถทัวร์ 3 คน ( เล็ก หนึ่ง แอ๊ด ) เดินในครั้งนี้ด้วย 
จุดแรก ที่ไประยะทาง 753 ม. น้ำตกวังกวาง พบว่าสวยงามแม้จะไม่ไกลจากที่พักมากนัก
จุดที่สอง น้ำตกโผนพบ 574 ม. ไม่ไกลมากแต่ทางเดินเริ่มเข้าไปในป่ามากขึ้น ยิ่งสนุกมากขึ้นเพราะเราได้อยู่กับธรรมชาติ
จุดที่สาม น้ำตกเพ็ญพบใหม่ 1,002 ม. เริ่มเข้าป่าลึกขึ้น ทากรอดักอยู่ในน้ำ เพราะเมื่อลงน้ำขึ้นมาพบมีทากเกาะที่ขา โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่ผ่านเราไปเนื่องจากทางเดินปกติต้องขึ้นเขา เส้นทางลัดเดินผ่านลำธารตอนแรกว่าจะเดินผ่านแต่กลุ่มนี้เดินผ่านก่อน เมื่อถึงฝั่งพบว่าทุกคนโดนทากเกาะกิน เลือดตามตัวทุกคนเลย เราจึงเลียงเดินทางขึ้นเขาแทน
จุดที่สี่ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำเย็นน่าเล่นมาก แต่ไม่แน่ใจว่ามีทากหรือไหม
จุดที่ห้า น้ำตกถ้ำใหญ่ พบใบเฟิร์นจำนวนมากบริเวณนี้ก็เลย นำมาทำเป็นรูปหัวใจ
จุดที่หก สระอโนดาด จุดแวะพัก สามารถใช้น้ำได้ เช็ดเนื้อเช็ดตัวพักขาแล้วเดินต่อ
จุดที่เจ็ด ผาแดง จุดแวะกินข้าว หน้าผาต้องเดินลงไปอีก แต่ต้องระวังเพราะไม่มีอะไรกั้นอาจตกลงไปได้
จุดที่แปด ผาหล่มสัก มีหินขนาดใหญ่ยื่นออกไป ผานี้ต้องถ่ายภาพตอนพระอาทิตย์ตกติดจึงจะสวยงามมาก
เดินทางกลับจากผาหล่มสัก ถึงอุทยาน ผ่าน ผาแดง ผาเหยียบเมฆ ผานาน้อย ผาจำศีล ผาหมากดูก ขณะเดินทางผ่านระหว่างผาแดงกับผาเหยียบเมฆ "พบสัตว์ป่าเดินตามมาด้วย" พร้อมเสียงสัตว์ป่าทำให้เราต้องเดินเกาะกลุ่มและเดินเร็วมากขึ้น ตื่นเต้นมากกว่าจะถึงอุทยานก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ กินข้าวแล้วรีบอาบน้ำเข้านอน ในที่สุดก็โดนทากเกาะกินเลือดที่ขาด้านขวาจนได้ขนาดใส่ถุงเท้าหนาๆ แล้วน่า พอดึงออกทิ้งไว้หน้าเต้นท์ด้วยความตกใจ พอน้องกลับมาก็ได้บอกไว้เมื่อไปอาบน้ำก็พบว่ามันเข้าไปอยู่ในรองเท้าน้องชายจนได้ จำเป็นต้องทำฆ่าโดยใช้ไฟเช็ค เหนื่อยกับการเดินทางไกลอีกหนึ่งวัน เมื่อทำธุระเสร็จก็เข้านอนทันที
      วันที่ 1 ธ.ค. 2555 ตื่นตี 4 ไม่ได้ต้องการตื่นเลยแต่เสียงกรนดังมากจากเต้นท์ข้างๆ ก็เลยต้องตื่นมาล้างหน้าและไปที่ศูนย์ฯ เพื่อออกเดินทางอีกครั้งตอนตี 5 ที่หมาย ผานกแอ่น วันนี้ไม่สวยทะเลหมอกไม่เต็ม แต่ได้ภาพพระอาทิตย์เต็มๆ ชัดๆ เลยที่เดียว เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเต็มลูกแล้วก็เดินทางกลับทันที คราวนี้เดินไปทางองค์พระ ซึ่งยังไม่มีคนเดินมากนัก ขนาดที่กลับจากองค์พระไปที่จุดพัก ก็พบธรรมชาติ สายธารของหมอก รอยเท้าของหมูป่า และ หมาไนท์ อยู่เต็มทางเดิน คิดไว้แล้วเมื่อคืนเสียงหมาไนท์ดังทั้งคืนเลยคงต้องมีอะไรแน่ๆ เมื่อกลับถึงเต้นท์ก็เข้าไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ ส่งเต้นท์คืนอุทยานและแวะไปกินข้าวร้านป้าอุดหนุนแก่หน่อยจะกลับแล้ว เมื่อทำธุระทุกอย่างเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินลงเขา ซึ่งการเดินลงเขาจำเป็นที่จะต้องใช้เขา 2 ข้างในการรับน้ำหนัก และการทรงตัวที่ดี ถ้าพลาดมีสิทธิได้กลิ้งตกเขาแน่ๆ พักตามจุดต่างๆ พร้อมกับให้กำลังใจผู้ที่เดินขึ้นเขา เข้าใจความรู้สึกดีว่ามันเหนื่อยมาก พอลงมาถึงตีนเขาก็รีบกดเงินเพราะเงินหมด แล้วแวะไปหาซื้อเสื้อเป็นที่ระลึก ของฝากเล็กน้อย แล้วไปรับกระเป๋า เดินทางกลับไปที่ท่ารถ บริเวณผานกเค้า ประมาณ 15.30น. พบว่ารถจะออกอีกครั้งเวลา 19.30น. ก็เลยต้องเดินเล่นบริเวณนั้น ซื้อของกินและนั่งคุยกับน้องถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา รถมาประมาณเกือบ 2 ทุ่มครึ่ง เป็นรถ VIP ออกเดินทางถึงกรุงเทพประมาณ ตี 3 กว่า เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางทริปภูกระดึง ( สามารถติดตามชม VDO ด้านล่าง )

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น